เทคนิคเล็กๆน้อยๆในการทำเนื้อร้องทำนองและเสนอเพลง
ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่ใช่นักดนตรีที่เก่งกาจอะไรไม่ได้รู้โน้ตเพลงเท่าไรนัก ผมเป็นแค่คนที่เล่นเครื่องดนตรีได้บ้างและรู้คอร์ดไม่มากนัก แต่ผมก็ชอบที่จะแต่งเพลงโดยเขียนทั้งเนื้อร้องและทำนองไปพร้อมกัน ผมว่ามันสนุกดีและไม่มีอะไรมาจำกัดความคิดของเรามากนักและจุดเริ่มต้นของการมาเป็นนักแต่งเพลงของผมก็คือ การได้เอาเพลงที่แต่งเก็บไว้ไปเสนอค่ายเทปนั่นเอง คงมีหลายคนที่อยากจะเขียนเพลงไปเสนอค่ายเทปแต่ไม่รู้จะเอาเมโลดี้(ทำนอง)มาจากไหน ผมขอแนะนำว่าถ้าคุณพอที่จะเล่นกีต้าร์หรือคีย์บอร์ดได้บ้างก็ลองแต่งเพลงขึ้นมาเองเลย หรือถ้าเล่นไม่เป็นเลยก็ลองทำเนื้อกับทำนองขึ้นมาโดยใช้วิธีฮัมเพลงด้วยปากเปล่าไปเลยก็พอได้อยู่ครับ แล้วก็ลองอัดใส่เทปส่งไปเสนอตามค่ายดูนะครับ
ปกติผมจะถนัดใช้คีย์บอร์ดในการแต่งเพลง โดยเริ่มจากการเล่นคอร์ดวนไปเรื่อยๆแล้วก็ฮัมทำนองเล่นๆไป บางทีก็เล่นไปฮัมไปอยู่หลายชั่วโมงเลย เอามันส์ไว้ก่อนเป็นการสร้างอารมณ์ อุ่นเครื่อง เพราะบางทีถ้าตั้งใจทำเกินไปมันก็ออกมาแข็งๆไป ไม่ค่อยจะเพราะสักเท่าไรลืมบอกไปว่าผมชอบทำเพลงช้าหรือเพลงกลางๆใสๆมากกว่าตามถนัด ส่วนใหญ่ผมจะฮัมหาท่อนHook(สร้อย)ก่อน เพราะมันเป็นท่อนที่จำและแข็งแรงที่สุดในเพลง ซึ่งมักจะอยู่ตรงกลางเพลง แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไปนะครับ บางทีมันก็อาจจะอยู่ตรงท่อนแรกตอนขึ้นเพลงได้เหมือนกัน
มีบ่อยครั้ง(บ่อยมาก)ที่ผมบังเอิญฮัมไปฮัมมาแล้วเนื้อเพลงมันออกมาด้วยอย่างลงตัวมากซึ่งถือเป็นเรื่องดีเลยทีเดียว เพราะมันจะง่ายต่อการคิดconceptของเพลง ยกตัวอย่างเช่นเพลงฝันกลางวัน ของไบรโอนี่ ผมฮัมออกมาเป็นเนื้อและทำนองได้ก่อนเลย ตรงท่อน"อย่าปล่อยให้ฉันต้องฝันกลางวัน ให้ฉันมัวคิดเอาเอง" แล้วจากนั้นมันก็ไหลไปเรื่อยๆจนผมได้เนื้อร้องทำนองของท่อนสร้อยมาทั้งท่อน เสร็จแล้วผมถึงลงมือทำท่อนอื่นต่อ ซึ่งมาถึงตรงนี้ผมจะโฟกัสไปที่ทำนองอย่างเดียวแล้วเอาให้เพราะถูกใจตัวเองก่อนเลย ไม่ต้องห่วงเนื้อร้องแล้วเพราะมีท่อนสร้อยเป็นแกนให้ยึดแล้วว่าจะเขียนอะไรต่อไปและconceptเพลงจะเป็นอย่างไร แต่มีบางครั้งที่ผมต้องไปเจอเหตุการณ์อันน่าเศร้าบางอย่างที่ทำให้เกิดความรู้สึกท้อแท้ ผิดหวัง (ไปหลงรักใครแล้วเค้าไม่รักตอบ อกหักนั่นเอง)แล้วพอจะต้องเขียนเพลงเศร้าที่ได้รับคำสั่งมาให้ทำ ก็เลยไม่ต้องbuildอารมณ์กันมาก
พอลงมือเคาะแป้นคีย์บอร์ดเท่านั้น ทั้งเนื้อร้องและทำนองก็ไหลออกมาจนจบเพลงโดยที่ผมไม่ต้องไปเสียเวลาฮัมหาท่อนโน้นท่อนนี้ก่อนเลย ยกตัวอย่างเช่นเพลง พูดไม่ออกของ ญาญ่าญิ๋ง ที่เรื่องราวของเพลงมันถูกกลั่นออกมาจากความรู้สึกของผมจริงๆ แต่ผมก็ต้องเอากลับมาตรวจทาน แก้ไขเนื้อร้องบางคำบางจุด เพื่อให้เหมาะสมกับตัวนักร้อง อาจจะมีบ้างที่บางเพลงก็ไม่ได้แก้อะไรเลย (เนื่องจากความขี้เกียจ) แล้วบังเอิญว่าเพลงมันก็เข้ากับตัวนักร้องได้อยู่ เช่นเพลง เหนื่อยใจ ของ XL STEP ที่ผมใช้วิธีแบบเดียวกันคือลงมือเขียนเนื้อร้องกับทำนองไปพร้อมๆกันตั้งแต่ต้นจนจบ โดยส่วนใหญ่แล้วเพลงแบบนี้ ผมจะใช้เวลาทำไม่กี่ชั่วโมง ต่างจากเพลงที่ทำทำนองขึ้นมาก่อนซึ่งต้องเสียเวลากับการหาคอร์ดใส่ หาตัวเมโลดี้ที่ถูกใจ บางทีพอเสร็จแล้วถ้ารู้สึกง่วงหรือล้าแล้วผมก็จะยังไม่เขียนเนื้อ จะเก็บไว้เขียนในวันต่อไป หรือเก็บไปเลยเป็นเดือนก็มี
ส่วนคอร์ดที่ผมใช้เล่นในเพลงนั้น ผมจะยึดเอาสเกลของคีย์c เป็นหลัก เพราะมันง่ายสำหรับผม อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้นว่าผมมีความรู้จำกัดในเรื่องการใส่คอร์ดลงไปในเพลง แรกๆผมจะเล่นวนอยู่แค่คอร์ดC AM DM G7บ้าง C EM AM F Gบ้าง แล้วแต่มือกับอารมณ์จะพาไป หลังๆผมพยายามศึกษาหาคอร์ดแปลกๆมาใส่ โดยยังยึดเอาคีย์C เป็นหลัก เช่น เปลี่ยนเป็นเล่นCmaj7 บ้าง เป็นCmaj9บ้าง ดูๆอย่างนี้แล้วเหมือนว่าผมจะตันบ้างไหม ก็มีครับ แต่ผมอาศัยการพลิกแพลงเมโลดี้ไปเรื่อยๆ หรือไม่ก็เปลี่ยนวิธีตีคอร์ดให้ฟังดูมีอะไรแปลกใหม่ขึ้น ส่วนขั้นตอนต่อไปคือการส่งเพลง ผมจะบันทึกเพลงของผมลงไปในเทป แล้วส่งไปพร้อมกับเนื้อเพลง หรือบางทีก็ร้องอัดไปด้วยเลย แรกๆตอนที่ผมเอาเพลงไปเสนอค่ายเทปนั้นผมยังไม่มีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทำเพลงอะไรเลย ก็จะใช้วิธีเล่นกีต้าร์แล้วก็ร้องสดๆ อัดใส่ลงไปในเทปด้วยวิทยุธรรมดาๆนี่เอง เพียงแต่พยายามร้องให้ชัดๆให้ได้ยินเนื้อเพลงเท่านั้นเอง
และทั้งหมดนั้นก็คือวิธีการเขียนเนื้อร้องและทำนองโดยคร่าวๆของผม ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่อยากทำอาชีพแต่งเพลงไม่มากก็น้อย อยากจะแนะนำให้คุณลองทำเพลงขึ้นมาอย่างที่คุณอยากทำและเมื่อรู้สึกว่าคุณมั่นใจกับมันแล้วก็เอาไปเสนอกับค่ายเทปเลย โดยไม่ต้องกังวลว่าคุณภาพเสียงของเพลงของคุณจะดีหรือไม่ จะต้องทำให้สมบูรณ์หรือเปล่า เพราะส่วนใหญ่แล้วค่ายเทปในเมืองไทยจะพิจารณาคุณจากการเขียนเนื้อร้องเสียมากกว่า ทำนองเป็นแค่เรื่องรองลงมา ขอเพียงให้คุณมีความพยายามและตั้งใจจริงเท่านั้น คุณก็จะประสบความสำเร็จได้ด้วยดี
วิธีการทำงานของผม
ผมจะใช้เวลาในการฟังเมโลดี้ของเพลงนั้นๆมากๆ จนสามารถจดจำและจับอารมณ์ของมันได้เป็นอย่างดีและเวลาลงมือเขียนส่วนใหญ่ผมจะเขียนจากท่อนสร้อย(hook)ก่อน
เพื่อจะได้ไม่เขียนหลุดออกจากคอนเซ็ปต์ที่วางไว้ เพราะท่อนสร้อยถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของเพลง
หลายๆครั้งผมจะใช้วิธีคิดประโยคเด็ดๆเพื่อให้ลงในhookขึ้นมาก่อน แล้วค่อยคิดคอนเซ็ปต์ว่าจะพูดเรื่องอะไรต่อ โดยใช้วิธีฮัมเพลงไปเรื่อยๆหรือบางทีก็จะคิดเรื่องที่จะเขียนจากชีวิตจริงของตัวเองไม่ก็ของเพื่อนๆ
แล้วเอามาดัดแปลงนิดหน่อยเพื่อให้เข้ากับอารมณ์ของเมโลดี้ที่ได้มา
ในกรณีที่ผมจะเขียนเนื้อร้องพร้อมทำนอง ผมจะทำทำนองขึ้นมาก่อน
แล้วค่อยเขียนเนื้อใส่ลงไป เพราะถ้าทำพร้อมๆกันไป บางทีเพลงที่ออกมามันก็จะไม่ราบรื่นหูทั้งเนื้อหาและทำนอง แต่มีหลายครั้งที่บังเอิญสภาพอารมณ์ในตอนนั้นทำให้ผมสามารถคิดเนื้อและทำนองตรงท่อนhookออกมาได้พร้อมๆกันอย่างลงตัว
อย่างไรก็ตามการเขียนเพลงให้ดีนั้นไม่มีอะไรมาจำกัดหรือมีสูตรสำเร็จตายตัวทำในวิธีที่ตัวเองถนัดและอยากทำ และให้ออกมาแล้วรู้สึกว่าเราชอบ ขอแนะนำให้พยายามติดตามผลงานของนักแต่งเพลงหลายๆคนหลายๆแนว
และดูว่าแต่ละคนนั้นมีการใช้คำหรือลูกเล่นในเพลงเป็นอย่างไร และพยายามหาแนวทางที่ตัวเองถนัดโดยการเขียนเพลงบ่อยๆและพยายามศึกษาหาศัพท์ต่างๆจากการอ่านหนังสือให้ได้มากๆ
และที่สำคัญขอให้มั่นใจในตัวเองและมีใจรักในการแต่งเพลงอย่างจริงๆจังๆก็จะสามารถทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ด้วยดี ขอให้โชคดีครับ
| |
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น